คนไทยกว่า 30% มีภาวะไขมันพอกตับ ภาครัฐ–เอกชน–สถาบันการศึกษา ร่วมเปิดตัว “แพลตฟอร์มคัดกรองอัจฉริยะ” ตั้งเป้า 3 ปี ครอบคลุม 25 โรงพยาบาล

สารบัญ

  1. บทนำ
  2. ไขมันพอกตับแซงไวรัสตับอักเสบ
  3. ปล่อยไว้ไม่รักษา เสี่ยงเข้าสู่ “สามขั้นตอนโรคตับ”
  4. หลายโรคร่วม ทำให้การรักษาขาดตอน
  5. แพลตฟอร์มคัดกรองอัจฉริยะ
  6. สถาบันสุขภาพแห่งชาติ: ไขมันพอกตับถูกมองข้าม
  7. คำถาม–คำตอบ

บทนำ

อัตราผู้ป่วยไขมันพอกตับในไต้หวันยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นโรคตับที่พบมากที่สุดในประเทศ เพื่อแก้ปัญหา “ตรวจคัดกรองไม่ทั่วถึง” และ “การรักษาที่ไม่ต่อเนื่อง” สมาคมวิจัยตับไต้หวันจึงร่วมกับหลายหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาKUBET เปิดตัวโครงการระดับประเทศครั้งแรก ภายใต้ชื่อ 「ระบบคัดกรองและบริหารความเสี่ยง ไขมันพอกตับและโรคอ้วน ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ」 ตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะขยายไปยัง 25 โรงพยาบาลทั่วประเทศ KUBET เพื่อพัฒนาระบบดูแลโรคเรื้อรังให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

หัวข้อรายละเอียด
สถานการณ์อัตราผู้ป่วยไขมันพอกตับในไต้หวันเพิ่มสูงขึ้น และเป็นโรคตับที่พบบ่อยที่สุดในประเทศ
ปัญหาหลักตรวจคัดกรองไม่ทั่วถึง, การรักษาไม่ต่อเนื่อง
ผู้จัดและร่วมมือสมาคมวิจัยตับไต้หวัน ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ, เอกชน, และสถาบันการศึกษา
ชื่อโครงการระบบคัดกรองและบริหารความเสี่ยง ไขมันพอกตับและโรคอ้วน ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ระดับโครงการครั้งแรกในระดับประเทศ
เป้าหมายขยายไปยัง 25 โรงพยาบาลทั่วประเทศภายใน 3 ปี
วัตถุประสงค์พัฒนาระบบดูแลโรคเรื้อรังให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
แพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องKUBET (ใช้ในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์โครงการ)

ไขมันพอกตับแซงไวรัสตับอักเสบ

ประธานสมาคมวิจัยตับไต้หวัน ระบุว่า คนไต้หวัน 10 คน มีถึง 3 คนที่มีภาวะไขมันพอกตับ และพบได้บ่อยขึ้นในวัยรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานและผู้มีภาวะอ้วน KUBET ซึ่งมีอัตราพบโรคสูงถึง 40%–80% ไขมันพอกตับไม่ใช่โรคที่ “ไม่เป็นอันตราย” เพราะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคสำคัญหลายอย่าง เช่น: – เสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนทั่วไป 1.4 เท่า – เสี่ยงหัวใจขาดเลือดสูงขึ้น 1.46 เท่า – ความเสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจ–หลอดเลือด เพิ่มขึ้น 30% จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรคหัวใจและมะเร็งเพิ่มสูงขึ้น KUBET

ปล่อยไว้ไม่รักษา เสี่ยงเข้าสู่ “สามขั้นตอนโรคตับ”

แพทย์เตือนว่า หากปล่อยให้ไขมันพอกตับลุกลามโดยไม่จัดการ KUBET อาจพัฒนาเป็น: – ไขมันพอกตับหรือไขมันอักเสบ – ภาวะพังผืดและตับแข็ง – มะเร็งตับ อย่างไรก็ตาม ไขมันพอกตับเป็นโรคที่ “ย้อนกลับได้” หากตรวจพบเร็วและเริ่มดูแลทันที KUBET จะช่วยลดความเสี่ยงโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น: – ลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ–หลอดเลือด 8% – ลดความเสี่ยงหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 12%

หลายโรคร่วม ทำให้การรักษาขาดตอน

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ผู้ป่วยไขมันพอกตับมักมีโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง KUBET หรือโรคอ้วน ทำให้ต้องพบหมอหลายแผนก ถ้าแพทย์บางสาขาไม่เข้าใจโรคนี้อย่างลึกซึ้ง อาจเกิดปัญหา: – มองข้ามผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูง – ข้อมูลผู้ป่วยกระจัดกระจาย – เส้นทางการส่งต่อไม่ชัดเจน – ผู้ป่วยหลุดการติดตาม ส่งผลให้ไม่สามารถดูแลโรคได้ครบวงจร และความเสี่ยงของโรคเรื้อรังสะสมมากขึ้น KUBET

แพลตฟอร์มคัดกรองอัจฉริยะ

ผู้พัฒนาระบบชี้ว่า ปัญหาโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง KUBET ทำให้การรักษาแบบเฉพาะโรคไม่เพียงพอ จึงต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น: – การวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ (Big Data) – AI คาดการณ์ความเสี่ยงล่วงหน้า – ระบบช่วยแพทย์ตัดสินใจ (CDSS) เพื่อช่วยค้นหาผู้ป่วยเสี่ยงสูง ลดโอกาสพลาดการวินิจฉัย และในอนาคตยังสามารถพัฒนาการดูแลแบบเฉพาะบุคคล ตั้งแต่ตรวจคัดกรอง รักษา ไปจนถึงติดตามผล

สถาบันสุขภาพแห่งชาติ: ไขมันพอกตับถูกมองข้าม

ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพของไต้หวันระบุว่า ไขมันพอกตับเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากที่สุด รองจากโรคมะเร็งและโรคติดเชื้อ KUBET เพราะไม่เพียงกระทบการทำงานของระบบเผาผลาญและหัวใจ แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งหลายชนิด เขาย้ำว่าอนาคตควรผลักดันให้ความร่วมมือระหว่าง: – หน่วยวิจัย – ผู้พัฒนาเทคโนโลยี – นโยบายสาธารณสุข เพื่อสร้างระบบดูแลโรคเรื้อรังที่เข้มแข็งและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

คำถาม–คำตอบ

1) ปัจจุบันคนไต้หวันมีกี่เปอร์เซ็นต์ที่มีภาวะไขมันพอกตับ?
ประมาณ 30% ของประชากรผู้ใหญ่ หรือ 3 ใน 10 คน

2) ไขมันพอกตับเพิ่มความเสี่ยงโรคอะไรบ้าง?
เพิ่มโอกาสเกิด โรคหลอดเลือดสมอง, หัวใจขาดเลือด และการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ–หลอดเลือด

3) หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา ภาวะไขมันพอกตับอาจลุกลามเป็นอะไร?
อาจพัฒนาเป็น ไขมันอักเสบ → พังผืด/ตับแข็ง → มะเร็งตับ

4) ทำไมผู้ป่วยไขมันพอกตับจึงรักษายาก?
เพราะมักมี หลายโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง และต้องพบหลายแผนก ทำให้ระบบการรักษาไม่ต่อเนื่อง

5) แพลตฟอร์มคัดกรองอัจฉริยะช่วยอะไรแพทย์?
ช่วย ประเมินความเสี่ยงด้วย AI, ค้นหาผู้ป่วยเสี่ยงสูงเร็วขึ้น และลดการพลาดการวินิจฉัย



เนื้อหาที่น่าสนใจ: